ลัดดา
“ไข่ใบนี้ไม่เหมือนใบอื่นๆที่คุ้นตาเอาเสียเลย”
ลัดดาตั้งคำถามที่ดูเหมือนเป็นการออกความเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์เสียมากกว่า เริ่มแรกเธอพูดคุยกับตัวเธอเอง จนแน่ใจพอว่าคงหาคำตอบไม่ได้ จากนั้นเธอจึงเริ่มแกล้งๆบ่นออกมาด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหน่อย เผื่อว่าจะมีใครในฟาร์มแห่งนี้จะได้ยินมันเข้า และคิดเห็นตรงกันกับเธอ ว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นจริงๆ เธอไม่ได้เพียงแค่วิตกจริตคิดเอาเอง
ลัดดาเดินผ่านไข่ใบโตเปลือกสีขาวขุ่นใบนี้มาหลายวัน เธออดไม่ได้จริงๆที่จะเฝ้ารอการมาของสิ่งมีชีวิต ที่จะกำเนิดออกมาจากในนั้น แน่นอนเธอแอบภาวนาอยู่ลึกๆในหัวใจว่ามันคงเป็นสิ่งมีชีวิตอะไรบางอย่าง ที่ควรต้องมีความผิดพลาดและไม่สมบูรณ์แบบ ขาลีบ ตาบอด สมองฝ่อ พิการไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ด้วยเหตุผลของการที่ไข่ใบนี้ต่างออกไปจากใบอื่นๆที่เธอคุ้นเคยมาตลอดชีวิตของเธอในฟาร์มแห่งนี้ ใครต่อใครที่นั่นบอกว่าเธอมองโลกในแง่ร้ายเกินไป และยังมีความเห็นเพิ่มเติมว่าการไปพิพากษาทารกที่กำลังจะเกิดใหม่แบบนั้น มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยที่จะไปตัดสินเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่เธออาจไม่คุ้นเคยเท่านั้นเอง
“มันจะต้องเป็นสิ่งชั่วร้ายมาเกิดแน่ๆ”
“ไม่มีไข่ที่ไหนบนโลกใบนี้หรอก ที่เป็นสีขาว!!” เธอตั้งคำถามอย่างไม่ไว้ใจ
“พวกแกมันโง่เง่าเสียจริง ที่ดูมันไม่ออก” ลัดดาเริ่มสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด นั่นก็เพราะพวกเขาไม่ค่อยจะคล้อยตามกับวิธีคิดอันดูจะสุดโต่งของเธอสักเท่าไหร่นัก แถมยังกล่าวตำหนิความใจคับใจแคบของเธอด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เธอเองมีเจตนาดีที่จะกำจัดสิ่งแปลกปลอมอันชั่วร้ายสำหรับสังคมอันสวยงาม และทุกชีวิตในนั้น แต่กลับไม่มีใครเข้าอกเข้าใจเธอ ทุกคนควรร่วมด้วยช่วยกันทำศึกกับปีศาจร้ายในครั้งนี้ไปพร้อมๆกับเธอ ไม่ใช่เห็นเธอกลายเป็นศัตรูเสียเอง แบบนี้มันไม่เพียงแค่ไม่เห็นแก่หน้าและความอาวุโสของเธอที่นั่น แต่ยังหมายถึงการร่วมมือกันบอยคอตเธออีกทางหนึ่งด้วย
ลัดดาเดินผ่านไข่ใบโตเปลือกสีขาวขุ่นใบนี้มาหลายวัน เธออดไม่ได้จริงๆที่จะเฝ้ารอการมาของสิ่งมีชีวิต ที่จะกำเนิดออกมาจากในนั้น แน่นอนเธอแอบภาวนาอยู่ลึกๆในหัวใจว่ามันคงเป็นสิ่งมีชีวิตอะไรบางอย่าง ที่ควรต้องมีความผิดพลาดและไม่สมบูรณ์แบบ ขาลีบ ตาบอด สมองฝ่อ พิการไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ด้วยเหตุผลของการที่ไข่ใบนี้ต่างออกไปจากใบอื่นๆที่เธอคุ้นเคยมาตลอดชีวิตของเธอในฟาร์มแห่งนี้ ใครต่อใครที่นั่นบอกว่าเธอมองโลกในแง่ร้ายเกินไป และยังมีความเห็นเพิ่มเติมว่าการไปพิพากษาทารกที่กำลังจะเกิดใหม่แบบนั้น มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยที่จะไปตัดสินเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่เธออาจไม่คุ้นเคยเท่านั้นเอง
“มันจะต้องเป็นสิ่งชั่วร้ายมาเกิดแน่ๆ”
“ไม่มีไข่ที่ไหนบนโลกใบนี้หรอก ที่เป็นสีขาว!!” เธอตั้งคำถามอย่างไม่ไว้ใจ
“พวกแกมันโง่เง่าเสียจริง ที่ดูมันไม่ออก” ลัดดาเริ่มสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด นั่นก็เพราะพวกเขาไม่ค่อยจะคล้อยตามกับวิธีคิดอันดูจะสุดโต่งของเธอสักเท่าไหร่นัก แถมยังกล่าวตำหนิความใจคับใจแคบของเธอด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เธอเองมีเจตนาดีที่จะกำจัดสิ่งแปลกปลอมอันชั่วร้ายสำหรับสังคมอันสวยงาม และทุกชีวิตในนั้น แต่กลับไม่มีใครเข้าอกเข้าใจเธอ ทุกคนควรร่วมด้วยช่วยกันทำศึกกับปีศาจร้ายในครั้งนี้ไปพร้อมๆกับเธอ ไม่ใช่เห็นเธอกลายเป็นศัตรูเสียเอง แบบนี้มันไม่เพียงแค่ไม่เห็นแก่หน้าและความอาวุโสของเธอที่นั่น แต่ยังหมายถึงการร่วมมือกันบอยคอตเธออีกทางหนึ่งด้วย
ลัดดาอยู่ในฟาร์มแห่งนี้มานาน นานกว่าทุกชีวิตที่รายล้อมตัวเธอ ยกเว้นก็แต่ครอบครัวของเจ้านายที่อาศัยอยู่ภายในบ้านเรือนไม้หลังใหญ่ถัดออกไปพอชะเง้อคอมองเห็นกัน ทุกวันลัดดาจะได้เห็นวิถีชีวิตและความเป็นไปของคนในบ้านหลังนั้นอยู่เสมอ มีผู้คนมากหน้าหลายตา เด็ก ผู้ใหญ่ พ่อ แม่ ลูก และคนงานเดินวนเวียนเข้าออก ผ่านไปผ่านมาตลอดทั้งวันเช้าจรดเย็น ภาพคุ้นเคยอีกอย่างก็คือเสียงทำครัว ที่ดังออกมาจากห้จากตัวบ้านเป็นระยะ ผู้คนที่นั่นดูเหมือนจะทำอะไรเดิมๆซ้ำๆ แทบจะเหมือนกันทุกวัน ตื่นนอน ทำครัว กิน ทำงาน กิน พัก คุย ทำครัว กิน พัก ดูทีวี ทะเลาะกัน (บางวันที่อากาศร้อน) อ้อนกัน (บางคืนที่อากาศเย็นกว่า) และเข้านอน เพื่อที่จะตื่นมาเริ่มทำกิจวัตรเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำเมื่อวาน ลัดดาเฝ้าสังเกตุวิถีชีวิตของพวกเจ้านายเช่นนี้ทุกวันอย่างเคยชินและคุ้นเคย เธอล่วงรู้ถึงเวลาที่พวกเค้าจะตื่นนอน หรือจะเข้านอน เธอจดจำเสียงเอะอะมะเทิ่งเวลาลงครัวของเมียเจ้านายได้เป็นอย่างดี บางคืนครั้งเธอแอบชะเง้อคอฟังเสียงจากโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่ดังออกมาจากในบ้านทุกๆเช้า ช่วงเวลาข่าวภาคกลางคืน และอีกหลายๆช่วงเวลา
ลัดดาบอกกับตัวเองเสมอว่าเธอมีประสบการณ์ตั้งมากมาย มากกว่าพวกขี้ขลาดรอบๆตัวเธอมากนัก ไม่ใช่แค่เรื่องราวต่างๆที่เธอได้ยินจากในโทรทัศน์ แต่เป็นเพราะเธออยู่ที่นี่มาก่อนใครๆ และเธอควรได้รับความเคารพจากพวกนั้นมากกว่านี้ มีอีกหลายอย่างเหลือเกินที่พวกโง่เง่าเหล่านั้นยังไม่เคยรู้และไม่เคยเห็น พวกนั้นจะไปรู้อะไรกับเรื่องราวในบ้านนี้เมืองนี้ที่เธอได้ยินมา แน่นอนเหลือเกินว่า พวกนั้นคงไม่รู้จักคุณลุงเสียงดุๆคนนั้น ผู้นำพาบ้านเมืองฝ่าวิกฤติทั้งเศรษฐกิจที่ตกต่ำเรี่ยพื้นดิน ผู้สัญญากับจอโทรทัศน์ว่าจะพาความสุขมาคืนประเทศไทยในอีกไม่นาน หรือโรคระบาดอันน่ากลัวที่เพิ่งสำแดงฤทธิ์เดชฟาดหัวฟาดหางเอากับผู้คนทั่วโลกจนเศรษฐกิจพังพินาศกันไปหมด เรื่องเหล่านี้เธอรับรู้มันมาโดยตลอด ความอยากรู้อยากเห็นช่วยให้เธอฉลาดกว่าใครที่นี่ สิ่งที่เธอรู้มันคือความจริง และเป็นความถูกต้องกว่าสิ่งพวกนั้นรู้อย่างแน่นอน ลัดดาลงความเห็นให้กับตัวเอง หลังจากขุ่นข้องหมองใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้อยู่นาน
เย็นวันนั้นลัดดาตัดสินใจแน่วแน่ที่จะบุกไปทำลายไข่สีขาวใบนั้นให้สิ้นซาก ด้วยตัวของเธอเองเพียงลำพังเท่านั้น เธอกำชับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้ใครมาล่วงรู้แผนการนี้อย่างเด็ดขาด
“พวกโง่เง่าเหล่านั้นจะทำให้แผนแตกจนได้…” ลัดดาพึมพำบอกตัวเองอย่างนั้น
“เราจะไม่ยอมให้สิ่งโฉดชั่วมีโอกาสถือกำเนิดออกมาจากไข่ใบนี้อย่างเด็ดขาด!!” นั่นคือคำขาดครั้งสุดท้ายจากปากของเธอ ที่รำพันออกมากับเงาดำจากแสงยามเย็น หลังประตูฟาร์มที่กำลังจะปิดลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ภาพทึมๆของลัดดาในยามนี้ดูน่ากลัวราวภาพประกอบของฆาตกรโฉดบนหน้านิยายสืบสวนสอบสวน
หลังจากนั้นไม่นานทุกชีวิตในฟาร์มก็เริ่มหลับไหล จากความเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวัน ผู้คนในบ้านใหญ่พากันปิดไฟเข้านอน เหลือไว้เพียงแสงจากโคมตะเกียงเรื่อๆเป็นหย่อมๆในฟาร์ม เพื่อสร้างความอบอุ่นในการดำเนินชีวิตของไข่หลายพันใบในธุรกิจของพวกเค้า ไข่ใบสีเหลืองนวลอมชมพูสวยงามเหล่านี้เป็นภาพคุ้นตาของลัดดาที่เธอเห็นมาตลอดชีวิต นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ควรมีไข่สีขาวอยู่ในนี้แม้แต่วินาทีเดียว เธอตัดสินใจที่จะไม่อดทนตั้งคำถามที่ไม่มีคำตอบอีกต่อไป มันจะต้องถูกกำจัดทิ้งในนาทีนี้แหละ ลัดดาค่อยๆเดินย่องฝ่าความมืดไปยังห้องเก็บไข่ใบนั้นอย่างช้าๆ เธอพยายามเงียบเสียงให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ใครได้ยินเข้าและอาจหมายถึงแผนการแตกและเธอจะทำการไม่สำเร็จ
ในที่สุดเธอก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าไข่สีประหลาดใบนั้น ที่ผ่านมาเธอยังไม่เคยเฉียดเข้ามาประชิดกับมันในระยะใกล้ขนาดนี้มาก่อนเลย ลัดดาเดินช้าๆวนอยู่รอบไข่ใบสีขาวพลางก้มลงมองมันอย่างพินิจพิจารณและละเอียดกว่าทุกครั้ง มันเป็นไข่ที่มีสีของเปลือกที่ไม่สวยเอาเสียเลย สีขาวของมันเลอะคราบขี้ดินขี้โคลนจนดูสกปรกมอมแมมดูคล้ายกับเป็นขยะที่ใครไม่รู้ทิ้งไว้ ต่างไปจากไข่สีเหลืองอมชมพูที่มีอยู่มากมายในฟาร์มแห่งนี้ มันถึงเวลาที่เธอจะต้องทำเรื่องที่ถูกต้องเสียที เธอค่อยๆปีนขึ้นไปยืนอยู่เบื้องหน้าของไข่สีขาวใบนั้น อีกไม่กี่นาทีข้างหน้ามันจะต้องถูกทุบทำลายจนแตกหักไม่มีชิ้นดี เรื่องบ้าๆนี้ต้องยุติลงเสียที
“ลงนรกไปซะ!!!” ลัดดาคำรามสบถออกมาพร้อมๆกับกระโดดย่ำไปรอบๆ เธอพยายามที่จะจัดการกับไข่สีขาวใบโตใบนั้น แต่ด้วยเปลือกไข่ที่ค่อนข้างหนาทำให้มันไม่สะทกสะเทือนเลยแม้แต่นิดเดียว ขณะเดียวกันนั้นเองสิ่งที่เกิดขึ้นหลังประตูฟาร์มกลับกลายเป็นความโกลาหลอลหม่าน ทุกชีวิตถูกปลุกให้ตื่นอย่างไม่เต็มใจโดยเสียงอันน่ารำคาญของลัดดา ที่ดังสะท้านแก้วหูแทบจะตลอดเวลาที่เธอเริ่มก่อการ ความไม่พอใจถูกเพิ่มขึ้นทวีคูณ ลัดดาเริ่มส่งเสียงอาละวาด และทันทีที่เธอพุ่งเข้าทำร้ายไข่สีขาวใบนั้น เสียงอื้ออึงทุกเสียงในนั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นความบ้าคลั่งในชั่วพริบตา
แสงไฟส่องสว่างถูกเปิดขึ้นโดยคนในบ้านใหญ่ เจ้านายร่างใหญ่คนนั้นถูกปลุกให้เดินออกมาพร้อมปืนกระบอกยาว ไฟฉายในมือของคนงานอีกคนถูกสาดเข้าไปด้านในโรงเลี้ยงไก่แห่งนั้น เพื่อมองหาต้นกำเนิดของเสียงที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในครั้งนี้
“ไอ้เหลือม ไอ้หลาม… หรือว่าเหี้ย ???” เขาถามถึงสัตว์ร้ายบางชนิด ผู้เป็นศัตรูทางธุรกิจตัวสำคัญที่เขาไม่อยากให้มายุ่มย่ามบริเวณนี้
“ไม่เห็นมีไอ้ที่ว่ามาสักตัวเลยครับ มีแต่อีไก่แก่ตัวนี้ล่ะ ที่ร้องโวยวายเป็นบ้าอยู่ได้!!”
“แตกตื่นกันไปหมด…ทั้งคนทั้งไก่!!” คนงานรายงานออกไปตามภาพที่อยู่ข้างหน้า พวกเขาเห็นแม่ไก่แก่ขนาดเขื่องๆตัวหนึ่ง กำลังตีปีกร้องเสียงลั่นไปหมด ราวกับกำลังโกรธอะไรบางอย่าง มันเดินงุ่นง่านวนไปมาอยู่ในโรงเรือนที่มีขนาดไม่กว้างนัก โดยมีฝูงไก่พากันยืนงงงวยกับภาพที่เกิดขึ้น พวกมันไม่รู้ว่านางไก่แก่ผู้ถูกปลดระวางเนื่องจากไม่สามารถออกไข่ได้อีกต่อไปตัวนั้น นางต้องการจะทำอะไรกันแน่ พวกมันรู้แต่เพียงคืนอันเงียบสงบคืนนั้นถูกทำลายลงเสียแล้ว
เจ้าของฟาร์มและคนงานกำลังทยอยกระชับพื้นที่ พวกเขาต้อนฝูงไก่เข้ายังที่ตั้งของตัวเอง เหตุการณ์เริ่มเข้าสู่ความสงบ สวิทช์ไฟฟ้าสำหรับแสงสว่างถูกปิดลงอีกครั้ง ทุกอย่างดำเนินตามปกติเหมือนก่อนหน้านั้น ความอลหม่านวุ่นวายต่างๆก่อนหน้านี้ถูกจับโยนออกไปนอกโรงเรือนแห่งนั้น พร้อมๆกับนางไก่แก่ที่ถูกคนงานคว้าคอ หิ้วตัวออกมาตามคำสั่งของเจ้านายร่างยักษ์ผู้นั้น
“พรุ่งนี้คงต้องเอาไปแกงกินกันอีก” เขาออกคำสั่งอย่างเบื่อหน่ายรสชาติของเนื้อไก่ แค่เพียงเอ่ยปากชินเนื้อสากๆของมันก็ทำให้เขารู้สึกถึงกลิ่นเฉพาะตัวของมันจนอยากจะอาเจียน มันเป็นช่วงเวลาที่คนในฟาร์มแห่งนี้ต้องกินเนื้อไก่กันแทบจะทุกวันจนเหม็นเบื่อ เบื่อเนื้อไก่พวกเขาก็ยังคงต้องกินไข่ของมัน นั่นก็เพราะปัญหาที่เกิดจากการกักตุนไข่ไก่เอาไว้โก่งราคาขายในยามขาดแคลนช่วงโรคระบาดที่ผ่านมา มันมีมากเกินไปจนล้นตลาด ขายออกไม่ทันในวันที่สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ไข่ไก่เน่าเสียทิ้งกันวันละหลายร้อยหลายพันฟอง สูญเสียรายได้กันไปตามๆกันหลายฟาร์ม จนต้องเริ่มลดจำนวนแม่ไก่ในฟาร์มลงเพื่อลดปริมาณการผลิตไข่ไก่ลงบ้าง แม่ไก่อายุมากก็จะโดนปลดประจำการเป็นอันดับแรกๆ และมาถึงคิวลำดับล่าสุดในวันนี้...ลัดดา!!
เช้าวันนั้นไม่มีเสียงออกจากปากของลัดดาเหมือนอย่างเคย แต่กลับเป็นเสียงอื่นในท่วงทำนองเดียวกัน ที่ทำหน้าที่ปลุกทุกชีวิตที่นั่นให้ตื่น พร้อมทำหน้าที่ของวันนั้น เตาประกอบอาหารถูกจุดขึ้นเหมือนเคย ดวงอาทิตย์พาแสงสว่างโผล่มาจากขอบฟ้า คนงานเริ่มงานของพวกเขา โรงเรือนใหม่กำหนดเสร็จภายในวันนี้ ขนาดใหญ่ขึ้นแต่แตกต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย
แสงอ่อนๆในเช้าวันนั้นพอที่จะทำให้ลัดดาที่ถูกจองจำอยู่ข้างๆห้องครัวมองเห็นภาพรางๆได้อย่างชัดเจน ไข่เป็ดใบโตสีขาวใบนั้นสั่นเบาๆ เปลือกหนาเตอะค่อยๆปริแตกออกมาอย่างช้าๆ ภาพลูกเป็ดน่าเกลียดตัวนั้นกำลังโผล่ออกมาโดยมีคนงานบางคนเข้าไปประคับคองมัน เป็ดตัวแรกของฟาร์มออกมาดูโลกพร้อมๆกับความตื่นเต้นของผู้คนที่นั่น ลูกเป็ดเหล่านั้นจะเปลี่ยนเป็นเงินเป็นทองในอีกไม่ช้า พวกเขากำลังจะร่ำรวยจากฟาร์มเลี้ยงเป็ด!!…
ลัดดาไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน แต่ที่แน่ๆ มันน่าจะเป็นภาพสุดท้ายในดวงตาคู่นั้นของเธอ.
ฐิติพันธ์ กัมพลาศิริ
กันยายน 2563
ลัดดาบอกกับตัวเองเสมอว่าเธอมีประสบการณ์ตั้งมากมาย มากกว่าพวกขี้ขลาดรอบๆตัวเธอมากนัก ไม่ใช่แค่เรื่องราวต่างๆที่เธอได้ยินจากในโทรทัศน์ แต่เป็นเพราะเธออยู่ที่นี่มาก่อนใครๆ และเธอควรได้รับความเคารพจากพวกนั้นมากกว่านี้ มีอีกหลายอย่างเหลือเกินที่พวกโง่เง่าเหล่านั้นยังไม่เคยรู้และไม่เคยเห็น พวกนั้นจะไปรู้อะไรกับเรื่องราวในบ้านนี้เมืองนี้ที่เธอได้ยินมา แน่นอนเหลือเกินว่า พวกนั้นคงไม่รู้จักคุณลุงเสียงดุๆคนนั้น ผู้นำพาบ้านเมืองฝ่าวิกฤติทั้งเศรษฐกิจที่ตกต่ำเรี่ยพื้นดิน ผู้สัญญากับจอโทรทัศน์ว่าจะพาความสุขมาคืนประเทศไทยในอีกไม่นาน หรือโรคระบาดอันน่ากลัวที่เพิ่งสำแดงฤทธิ์เดชฟาดหัวฟาดหางเอากับผู้คนทั่วโลกจนเศรษฐกิจพังพินาศกันไปหมด เรื่องเหล่านี้เธอรับรู้มันมาโดยตลอด ความอยากรู้อยากเห็นช่วยให้เธอฉลาดกว่าใครที่นี่ สิ่งที่เธอรู้มันคือความจริง และเป็นความถูกต้องกว่าสิ่งพวกนั้นรู้อย่างแน่นอน ลัดดาลงความเห็นให้กับตัวเอง หลังจากขุ่นข้องหมองใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้อยู่นาน
เย็นวันนั้นลัดดาตัดสินใจแน่วแน่ที่จะบุกไปทำลายไข่สีขาวใบนั้นให้สิ้นซาก ด้วยตัวของเธอเองเพียงลำพังเท่านั้น เธอกำชับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้ใครมาล่วงรู้แผนการนี้อย่างเด็ดขาด
“พวกโง่เง่าเหล่านั้นจะทำให้แผนแตกจนได้…” ลัดดาพึมพำบอกตัวเองอย่างนั้น
“เราจะไม่ยอมให้สิ่งโฉดชั่วมีโอกาสถือกำเนิดออกมาจากไข่ใบนี้อย่างเด็ดขาด!!” นั่นคือคำขาดครั้งสุดท้ายจากปากของเธอ ที่รำพันออกมากับเงาดำจากแสงยามเย็น หลังประตูฟาร์มที่กำลังจะปิดลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ภาพทึมๆของลัดดาในยามนี้ดูน่ากลัวราวภาพประกอบของฆาตกรโฉดบนหน้านิยายสืบสวนสอบสวน
หลังจากนั้นไม่นานทุกชีวิตในฟาร์มก็เริ่มหลับไหล จากความเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวัน ผู้คนในบ้านใหญ่พากันปิดไฟเข้านอน เหลือไว้เพียงแสงจากโคมตะเกียงเรื่อๆเป็นหย่อมๆในฟาร์ม เพื่อสร้างความอบอุ่นในการดำเนินชีวิตของไข่หลายพันใบในธุรกิจของพวกเค้า ไข่ใบสีเหลืองนวลอมชมพูสวยงามเหล่านี้เป็นภาพคุ้นตาของลัดดาที่เธอเห็นมาตลอดชีวิต นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ควรมีไข่สีขาวอยู่ในนี้แม้แต่วินาทีเดียว เธอตัดสินใจที่จะไม่อดทนตั้งคำถามที่ไม่มีคำตอบอีกต่อไป มันจะต้องถูกกำจัดทิ้งในนาทีนี้แหละ ลัดดาค่อยๆเดินย่องฝ่าความมืดไปยังห้องเก็บไข่ใบนั้นอย่างช้าๆ เธอพยายามเงียบเสียงให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ใครได้ยินเข้าและอาจหมายถึงแผนการแตกและเธอจะทำการไม่สำเร็จ
ในที่สุดเธอก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าไข่สีประหลาดใบนั้น ที่ผ่านมาเธอยังไม่เคยเฉียดเข้ามาประชิดกับมันในระยะใกล้ขนาดนี้มาก่อนเลย ลัดดาเดินช้าๆวนอยู่รอบไข่ใบสีขาวพลางก้มลงมองมันอย่างพินิจพิจารณและละเอียดกว่าทุกครั้ง มันเป็นไข่ที่มีสีของเปลือกที่ไม่สวยเอาเสียเลย สีขาวของมันเลอะคราบขี้ดินขี้โคลนจนดูสกปรกมอมแมมดูคล้ายกับเป็นขยะที่ใครไม่รู้ทิ้งไว้ ต่างไปจากไข่สีเหลืองอมชมพูที่มีอยู่มากมายในฟาร์มแห่งนี้ มันถึงเวลาที่เธอจะต้องทำเรื่องที่ถูกต้องเสียที เธอค่อยๆปีนขึ้นไปยืนอยู่เบื้องหน้าของไข่สีขาวใบนั้น อีกไม่กี่นาทีข้างหน้ามันจะต้องถูกทุบทำลายจนแตกหักไม่มีชิ้นดี เรื่องบ้าๆนี้ต้องยุติลงเสียที
“ลงนรกไปซะ!!!” ลัดดาคำรามสบถออกมาพร้อมๆกับกระโดดย่ำไปรอบๆ เธอพยายามที่จะจัดการกับไข่สีขาวใบโตใบนั้น แต่ด้วยเปลือกไข่ที่ค่อนข้างหนาทำให้มันไม่สะทกสะเทือนเลยแม้แต่นิดเดียว ขณะเดียวกันนั้นเองสิ่งที่เกิดขึ้นหลังประตูฟาร์มกลับกลายเป็นความโกลาหลอลหม่าน ทุกชีวิตถูกปลุกให้ตื่นอย่างไม่เต็มใจโดยเสียงอันน่ารำคาญของลัดดา ที่ดังสะท้านแก้วหูแทบจะตลอดเวลาที่เธอเริ่มก่อการ ความไม่พอใจถูกเพิ่มขึ้นทวีคูณ ลัดดาเริ่มส่งเสียงอาละวาด และทันทีที่เธอพุ่งเข้าทำร้ายไข่สีขาวใบนั้น เสียงอื้ออึงทุกเสียงในนั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นความบ้าคลั่งในชั่วพริบตา
แสงไฟส่องสว่างถูกเปิดขึ้นโดยคนในบ้านใหญ่ เจ้านายร่างใหญ่คนนั้นถูกปลุกให้เดินออกมาพร้อมปืนกระบอกยาว ไฟฉายในมือของคนงานอีกคนถูกสาดเข้าไปด้านในโรงเลี้ยงไก่แห่งนั้น เพื่อมองหาต้นกำเนิดของเสียงที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในครั้งนี้
“ไอ้เหลือม ไอ้หลาม… หรือว่าเหี้ย ???” เขาถามถึงสัตว์ร้ายบางชนิด ผู้เป็นศัตรูทางธุรกิจตัวสำคัญที่เขาไม่อยากให้มายุ่มย่ามบริเวณนี้
“ไม่เห็นมีไอ้ที่ว่ามาสักตัวเลยครับ มีแต่อีไก่แก่ตัวนี้ล่ะ ที่ร้องโวยวายเป็นบ้าอยู่ได้!!”
“แตกตื่นกันไปหมด…ทั้งคนทั้งไก่!!” คนงานรายงานออกไปตามภาพที่อยู่ข้างหน้า พวกเขาเห็นแม่ไก่แก่ขนาดเขื่องๆตัวหนึ่ง กำลังตีปีกร้องเสียงลั่นไปหมด ราวกับกำลังโกรธอะไรบางอย่าง มันเดินงุ่นง่านวนไปมาอยู่ในโรงเรือนที่มีขนาดไม่กว้างนัก โดยมีฝูงไก่พากันยืนงงงวยกับภาพที่เกิดขึ้น พวกมันไม่รู้ว่านางไก่แก่ผู้ถูกปลดระวางเนื่องจากไม่สามารถออกไข่ได้อีกต่อไปตัวนั้น นางต้องการจะทำอะไรกันแน่ พวกมันรู้แต่เพียงคืนอันเงียบสงบคืนนั้นถูกทำลายลงเสียแล้ว
เจ้าของฟาร์มและคนงานกำลังทยอยกระชับพื้นที่ พวกเขาต้อนฝูงไก่เข้ายังที่ตั้งของตัวเอง เหตุการณ์เริ่มเข้าสู่ความสงบ สวิทช์ไฟฟ้าสำหรับแสงสว่างถูกปิดลงอีกครั้ง ทุกอย่างดำเนินตามปกติเหมือนก่อนหน้านั้น ความอลหม่านวุ่นวายต่างๆก่อนหน้านี้ถูกจับโยนออกไปนอกโรงเรือนแห่งนั้น พร้อมๆกับนางไก่แก่ที่ถูกคนงานคว้าคอ หิ้วตัวออกมาตามคำสั่งของเจ้านายร่างยักษ์ผู้นั้น
“พรุ่งนี้คงต้องเอาไปแกงกินกันอีก” เขาออกคำสั่งอย่างเบื่อหน่ายรสชาติของเนื้อไก่ แค่เพียงเอ่ยปากชินเนื้อสากๆของมันก็ทำให้เขารู้สึกถึงกลิ่นเฉพาะตัวของมันจนอยากจะอาเจียน มันเป็นช่วงเวลาที่คนในฟาร์มแห่งนี้ต้องกินเนื้อไก่กันแทบจะทุกวันจนเหม็นเบื่อ เบื่อเนื้อไก่พวกเขาก็ยังคงต้องกินไข่ของมัน นั่นก็เพราะปัญหาที่เกิดจากการกักตุนไข่ไก่เอาไว้โก่งราคาขายในยามขาดแคลนช่วงโรคระบาดที่ผ่านมา มันมีมากเกินไปจนล้นตลาด ขายออกไม่ทันในวันที่สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ไข่ไก่เน่าเสียทิ้งกันวันละหลายร้อยหลายพันฟอง สูญเสียรายได้กันไปตามๆกันหลายฟาร์ม จนต้องเริ่มลดจำนวนแม่ไก่ในฟาร์มลงเพื่อลดปริมาณการผลิตไข่ไก่ลงบ้าง แม่ไก่อายุมากก็จะโดนปลดประจำการเป็นอันดับแรกๆ และมาถึงคิวลำดับล่าสุดในวันนี้...ลัดดา!!
เช้าวันนั้นไม่มีเสียงออกจากปากของลัดดาเหมือนอย่างเคย แต่กลับเป็นเสียงอื่นในท่วงทำนองเดียวกัน ที่ทำหน้าที่ปลุกทุกชีวิตที่นั่นให้ตื่น พร้อมทำหน้าที่ของวันนั้น เตาประกอบอาหารถูกจุดขึ้นเหมือนเคย ดวงอาทิตย์พาแสงสว่างโผล่มาจากขอบฟ้า คนงานเริ่มงานของพวกเขา โรงเรือนใหม่กำหนดเสร็จภายในวันนี้ ขนาดใหญ่ขึ้นแต่แตกต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย
แสงอ่อนๆในเช้าวันนั้นพอที่จะทำให้ลัดดาที่ถูกจองจำอยู่ข้างๆห้องครัวมองเห็นภาพรางๆได้อย่างชัดเจน ไข่เป็ดใบโตสีขาวใบนั้นสั่นเบาๆ เปลือกหนาเตอะค่อยๆปริแตกออกมาอย่างช้าๆ ภาพลูกเป็ดน่าเกลียดตัวนั้นกำลังโผล่ออกมาโดยมีคนงานบางคนเข้าไปประคับคองมัน เป็ดตัวแรกของฟาร์มออกมาดูโลกพร้อมๆกับความตื่นเต้นของผู้คนที่นั่น ลูกเป็ดเหล่านั้นจะเปลี่ยนเป็นเงินเป็นทองในอีกไม่ช้า พวกเขากำลังจะร่ำรวยจากฟาร์มเลี้ยงเป็ด!!…
ลัดดาไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน แต่ที่แน่ๆ มันน่าจะเป็นภาพสุดท้ายในดวงตาคู่นั้นของเธอ.
ฐิติพันธ์ กัมพลาศิริ
กันยายน 2563